ประวัติบ้านเห็ดฟ้าใส

ประวัติบ้านเห็ดฟ้าใส

                ในยุคที่ข้าวยากหมากแพง และเบื่อหน่ายชีวิตในกรุงเทพที่ต้องแย่งกันกินแย่งกันใช้ ทำให้เกษตรกรรุ่นใหม่อย่างผมหาทางออกให้กับชีวิตตัวเองด้วยการจากเมืองหลวงสู่จังหวัดระยองเพื่อค้นหาความสำเร็จครั้งใหม่ในการดำเนินชีวิตและเลือกที่จะเป็นเจ้านายตัวเอง เคยลองทำมาหลายอย่างเปิดร้านขายเสื้อผ้า รองเท้า แต่ก้อไปไม่รอด และได้ลองกลับมาคิดทบทวนใหม่ว่าจะทำอะไรดี เลยตั้งคำถามกับตัวเองว่าอะไรที่เป็นสิ่งจำเป็นการใช้ชีวิตของคนเราคำตอบสุดท้ายคืออาหารการกินแต่จะทำอะไรดีนั่นเป็นคำถามจนได้ข้อสรุปเพาะเห็ดดีกว่าเพราะเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและนั่นคือคำตอบสุดท้าย

                จึงเริ่มอาชีพของการเพาะเห็ดในปี 2554 แต่ก็ต้องเจอปัญหาอีกเมื่อไม่มีความรู้เรื่องการเพาะเห็ดเลย แต่ก้อไม่ใช่เรื่องยากในเมื่อเราไม่รู้ก็ต้องถามคนที่เค้าเพาะเห็ดซิ และแล้วก้อได้ความรู้เบื้องต้นในการเพาะเห็ดมาหลังจากนั้นก็เริ่มหาอุปกรณ์ที่สำคัญในการเพาะเห็ด จากนั้นก็เริ่มทำด้วยตัวเองลองผิดลองถูกมาหลายครั้งมีปัญหาต่าง ๆ เยอะแยะมากมายเนื่องจากเราไม่มีพื้นฐานความรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย จึงตัดสินใจเข้าอบรมการเพาะเห็ดที่ศูนย์เรียนรู้บ้านเห็ด โดยมี อาจารย์ ทวียศ  ศรีสกุลเมฆี เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้เรื่องการเพาะเห็ดในทุกขั้นตอนตั้งแต่การทำเชื้อ การทำก้อนเห็ด วิธีการรักษาก้อนเห็ดปัญหา โรคของเห็ด

                หลังจากที่ผ่านการอบรมจากศูนย์เรียนรู้บ้านเห็ดทำให้ผมมีความรู้ในเรื่องของการเพาะเห็ดและได้ทดลองทำมาทีละก้าวจนมีประสบการณ์มากขึ้นและรู้จริงทุกขั้นตอน จากความไม่รู้ก็กลายมาเป็นมืออาชีพ เริ่มจากการผลิตก้อนเชื้อเอง จำหน่ายดอกเห็ดเอง ได้รับการตอบรับจากตลาดดีมากจึงขยายกิจการเพิ่มการผลิตมากขึ้น จำหน่ายก้อนเชื้อ จำหน่ายอุปกรณ์การเพาะเห็ด และเปิดอบรมให้กับผู้สนใจในการเพาะเห็ด

                 
                 ในปี 2557 บ้านเห็ดฟ้าใส ได้ย้ายจาก จ.ระยอง ซึ่งในตอนนั้นต้องเช่าที่ดินในการทำโรงเรือน กลับมาสู่บ้านเกิด จ.พัทลุง กลับมาเริ่มสานความฝันในการจะมีฟาร์มเห็ดแบบครบวงจร ด้วนความฝัน ความมุ่งมั่น ที่จะมีกิจการเป็นของตัวเอง จึงเดินหน้าสู้เต็มที่ไม่ย่อท้อต่อปัญหา ทำให้มี "บ้านเห็ดฟ้าใส" ในวันนี้

สำหรับเกษตรกรรุ่นใหม่อย่างผมคิดว่าอาชีพการเพาะเห็ดที่ใคร ๆ มองว่าเป็นอาชีพเสริมรายได้นั้น มันไม่จริงเพราะเท่าที่ผมสัมผัสด้วยตัวเองผมคิดว่าอาชีพนี้สามารถสร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ และยังเป็นธุรกิจของครอบครัวที่จะเป็นมรดกไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน และทั้งหมดนี้ก็คือที่มาของบ้านเห็ดฟ้าใส